Over Drive หยิบหนังเก่ามาเล่าเรื่อง

·

1 min read

Over Drive หยิบหนังเก่ามาเล่าเรื่อง ลุ้นสุดตัวกับฉากแข่งรถสุดมันส์ที่ไม่เคยมีหนังญี่ปุ่นเรื่องไหนทำมาก่อน

ถึงเวลาระเบิดความมันส์กลางสนามแข่งขันที่วัดกันด้วยความเร็ว! กับภาพยนตร์แอคชั่นสุดเดือดที่หลายคนรอคอย อย่าง "Over Drive ทีมซิ่งผ่าฟ้า" ที่กำลังจ่อคิวเตรียมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 2 สิงหาคมนี้

ซึ่งความเด็ดของเรื่องนี้คือความการโคจรมาพบกันของสองนักแสดงฝ่ายชายสุดฮอตขวัญใจสาวๆของญี่ปุ่น อย่าง มาซาฮิโระ ฮิกาชิเดะ มาซาฮิโระ ฮิกาชิเดะ จาก DEATH NOTE: LIGHT UP THE NEW WORLD (2016) และ อาราตะ แมคเคนยู จาก PEACH GIRL (2017) ผนึกเข้ากับเรื่องราวสุดเข้มข้นของลูกผู้ชายที่มีความฝัน รวมทั้งอัดแน่นดราม่าสายสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันระหว่างสองพี่น้อง ท่ามกลางงานแข่งรถแรลลี่เซย์โกะคัพ (Seiko Cup Rally Series) งานแข่งที่รวบรวมเหล่านักแข่งรถวัยรุ่นที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถเข้าไว้ด้วยกัน ที่แห่งนี้คือเวทีคัดตัวของของเขาเพื่อไปยังเวทีระดับโลกอย่างงานแข่ง World Rally Championship

เรื่องราวของ อาสุฮิโระ ฮิยามะ (มาซาฮิโระ ฮิกาชิเดะ) หัวหน้าช่างกลและวิศวกรของ Supika Racing Factory ทุกคนล้วนแต่นับถือและให้ความเคารพเขา อาสุฮิโระมีน้องชายคนหนึ่งชื่อ นาโอสุมิ ฮิยามะ (แมคเคนยู อาราตะ) นักขับรถแข่งผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถในการก่อเรื่อง เขาเป็นนักแข่งรถสังกัดที่เดียวกับพี่ชายของเขา สไตล์การขับรถท้ามฤตยูของนาโอสุมิทำให้ทั้งสองทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อผู้จัดการหญิง ฮิคารุ เอนโดะ (อาโออิ โมริคาวะ) เข้ามาในชีวิตของพวกเขาทั้งสอง

โดยหนึ่งในไฮไลท์ของเรื่องก็คือการปิดสะพานกลางกรุงโตเกียว เพื่อถ่ายทำฉากแข่งรถสุดมันส์ที่คุณจะไม่เคยเห็นหนังญี่ปุ่นเรื่องไหนทำมาก่อน รวมถึงตื่นตะลึงกับเทคนิคการถ่ายทำสุดมันส์ ที่จะทำให้คุณนั่งไม่ติดเบาะจนเหมือนอยู่ในภาพยนตร์ เพราะในเมื่อมันเกี่ยวกับการแข่งรถซิ่ง ผู้กำกับจึงเลือกมุมกล้องที่พร้อมจะท้าทายโสตสัมผัสคนดูให้เปรียบเสมือนทั้งเป็น รถแข่ง และ คนขับ ไปในเวลาเดียวกัน

เหยียบให้มิดแล้วพิชิตมันด้วยฝัน! เตรียมเข้าสู่สนามแข่งขันที่มีความเร็วเป็นเดิมพัน ซิ่งสุดมันส์ อะดรีนาลีนทะลักไปพร้อมกันใน "Over Drive ทีมซิ่งผ่าฟ้า" 2 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

ตัวอย่างภาพยนตร์


เจ้าบ่าวโวย ช่วงแต่งงานเจ้าสาวสวยเหมือนนางฟ้า ล้างหน้าปุ๊บดูเปลี่ยนปั๊บ เหมือนถูกหลอก รอบโลก

16 ธ.ค. 2567

18:25 น. เจ้าบ่าวโวยเหมือนถูกหลอก ช่วงแต่งงานเจ้าสาวสวยนึกว่านางฟ้า พอล้างหน้าปุ๊บเธอดูเปลี่ยนปั๊บ ไม่ตรงปกแรง

เป็นที่พูดถึงไม่น้อย เมื่อ “นายหลี่” ชายวัย 27 ปีคนหนึ่งในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ได้โพสต์โซเชียลระบายถึง “รูปลักษณ์” ของเจ้าสาวที่ดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากล้างเครื่องสำอางออก ซึ่งทำให้เขารู้สึกตกใจและผิดหวังอย่างมาก

ตามรายงาน เขารู้จักเจ้าสาวผ่านการแนะนำ เธอมีอายุ 31 ปี และแม้ว่าเธอจะอายุมากกว่า แต่ภาพลักษณ์ของเธอก็ดูอ่อนเยาว์ไม่น้อย ทุกครั้งที่พบกันเธอมักจะแต่งหน้าแต่งตัวสวยงาม ทำให้เขาเลือกที่จะมองข้ามเรื่องอายุไป

โดยทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันหลังจากออกเดทได้เพียง 2 เดือน เนื่องจากแรงกดดันจากครอบครัว งานแต่งครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 168,000 หยวน (ราว 780,000 บาท) เขาใส่ชุดสูทเรียบหรู ในขณะที่เจ้าสาวดูสวยงามราวกับนางฟ้าเมื่ออยู่ในชุดแต่งงาน

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างกลับพลิกผัน เมื่อเจ้าสาวเริ่มล้างเครื่องสำอาง สีผิวลำคอและใบหน้าของเธอต่างกันอย่างมาก และผิวหน้าก็ไม่เรียบเนียนอีกต่อไป เขามองดูภาพเหล่านี้ด้วยความตกตะลึงและเต็มไปด้วยความมสับสน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขาทุ่มเงินมากมายเพื่อแต่งงานด้วยจะมีรูปลักษณ์แบบนี้

ดูเหมือนว่าเธอจะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้ เธอมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าคุณแต่งงานกับฉัน คุณต้องยอมรับรูปร่างหน้าตาของฉันและรักในสิ่งที่ฉันเป็น” ซึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็ได้แต่หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูรูปภาพเก่าช่วงเวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพปัจจุบันแล้ว เขาก็รู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น

“ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และตอนนี้ผมก็ต้องมาเห็นความจริงข้อนี้ เพราะงานแต่งจัดขึ้นที่บ้าน พ่อแม่ก็เลยไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว แต่พรุ่งนี้ผมจะเรียกพวกท่านให้มาตัดสินใจเรื่องนี้” เขากล่าว

หลังจากเรื่องราวถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางคนปกป้องเจ้าบ่าวโดยอ้างว่า นี่แทบไม่ต่างจากการถูกหลอก ดังนั้นรีแอกชั่นของเจ้าบ่าวเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลก

ขณะที่บางส่วนมองว่า การที่สาว ๆ แต่งหน้าบ่อย ๆ ผิวหน้ามีปัญหาบ้างถือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้เธอกล้าโชว์หน้าสดให้เจ้าบ่าวเห็น ก็ถือว่าไม่ใช่การปิดบังใด ๆ ที่สำคัญไม่ควรเลิกรากันเพราะหน้าตาเป็นเหตุ การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญส่งผลต่อชีวิต การหาคนดีย่อมดีกว่าการหาคนสวย

ขอบคุณที่มา sohu...